ภูมิประเทศ
ฮ่องกงมีพื้นที่รวม 1,096.63 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะฮ่องกง (80.30 ตร.กม.) เกาลูน (46.71 ตร.กม.) เขตดินแดนใหม่ (New Territories) และเกาะอื่น ๆ (969.62 ตร.กม.) หรือขนาดประมาณ 1 ใน 6 ของพื้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเกาะฮ่องกง เกาลูนและเขตดินแดนใหม่ จะเป็นแนวเขาทอดตัวยาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือลงสู่ทิศใต้ เป็นแนวเขาที่ต่อเนื่องมาจากมณฑลฝูเจี้ยนและกว่างตงที่อยู่ทางตอนใต้ของจีน แต่เนื่องจากเขตเทือกเขาแต่ครั้งโบราณนั้น ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ จึงเกิดเป็นทัศนียภาพเกาะแก่งเล็ก ๆ ที่มีลักษณะลาดชันผุดโพล่ขึ้นมากมาย
ประชากร 7.347 ล้าน (พ.ศ. 2559)
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเกาะฮ่องกง เกาลูนและเขตดินแดนใหม่ จะเป็นแนวเขาทอดตัวยาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือลงสู่ทิศใต้ เป็นแนวเขาที่ต่อเนื่องมาจากมณฑลฝูเจี้ยนและกว่างตงที่อยู่ทางตอนใต้ของจีน แต่เนื่องจากเขตเทือกเขาแต่ครั้งโบราณนั้น ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ จึงเกิดเป็นทัศนียภาพเกาะแก่งเล็ก ๆ ที่มีลักษณะลาดชันผุดโพล่ขึ้นมากมาย
ประชากร 7.347 ล้าน (พ.ศ. 2559)
ยุคก่อนอาณานิคม
"ฮ่องกง" เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในเขตอำเภอซินอัน เมืองเซินเจิ้น ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษากวางตุ้ง ซึ่งมาจากภาษาจีนกลาง ว่า "เซียงกั่ง" ความหมายก็ไม่เหมือนใคร หมายความว่า "ท่าเรือหอม" มีความเป็นมา สืบเนื่องมาแต่ครั้งที่กวางตุ้ง เป็นแหล่งปลูกไม้หอมชนิดหนึ่ง ส่งขายเป็นสินค้าออก โดยที่ต้องมาขนถ่ายสินค้ากัน ที่ท่าเรือน้ำลึกตอนใต้สุดของแผ่นดินจีน ด้วยภูมิประเทศของฮ่องกงเอง ที่เป็นเมืองท่าน้ำลึก เหมาะแก่การจอดเรือสินค้าขนาดใหญ่ จึงทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก
อาณานิคมสหราชอาณาจักร
เมื่อราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีเรือของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร นำโดยกัปตัน ชาร์ลส์ อีเลียต (อังกฤษ: Charles Elliot) แล่นผ่านน่านน้ำระหว่าง แหลมเกาลูนและเกาะแห่งหนึ่งที่ร่ำลือกันว่า เป็นที่หลบลมพายุของพวกโจรสลัด กัปตันอีเลียต เกิดได้กลิ่นหอมชนิดหนึ่ง จึงจอดเรือและขึ้นฝั่ง ส่งล่ามลงไปสอบถาม ได้ความว่าเป็นท่าเรือหอม ใช้ขนถ่ายไม้หอม กัปตันรับทราบด้วยความประทับใจ
เมื่อกัปตันอีเลียตเดินทางกลับสู่สหราชอาณาจักรและได้รับการแต่งตั้งให้ไปประจำการฝ่ายการพาณิชย์ของสหราชอาณาจักรในภาคพื้นเอเซีย ซึ่งขณะนั้นเอง ประเทศสหราชอาณาจักรซึ่งปกครองโดยพระนางวิกตอเรีย กำลังต้องการอาณานิคมในแถบทะเลจีนใต้ เพื่อใช้เป็นที่จัดส่งสินค้า หรือฝิ่นนั่นเอง และประจวบเหมาะพอดีกับที่ฝ่ายสหราชอาณาจักรและจีน กำลังมีปัญหาเรื่องการค้าฝิ่นในแถบกวางตุ้งของจีน จนทำให้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ขึ้น ในปี ค.ศ. 1839 กัปตันอีเลียตจึงตัดสินใจยกพลขึ้นบกที่ท่าเรือกลิ่นหอม และประกาศให้ดินแดนแถบนั้นเป็นของสหราชอาณาจักร ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2384 (ค.ศ. 1841) หลังจากจีนพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่น ปลายศตวรรษที่ 19 เกาะฮ่องกง และ ดินแดนตอนปลายคาบสมุทรเกาลูน จึงตกเป็นอาณานิคมในปี พ.ศ. 2385 (ค.ศ. 1842) และ พ.ศ. 2403 (ค.ศ. 1860) ตามลำดับ
ว่ากันว่ามีเหตุการณ์ที่น่าขัน และสร้างความขายหน้าให้กับพระราชินีวิกตอเรียยิ่งนัก ที่กองทหารสหราชอาณาจักรเข้ายึดเกาะที่มีแต่หินโสโครก หาประโยชน์ไม่ได้เลย กัปตันอีเลียตจึงถูกลงโทษด้วยการส่งไปเป็นกงสุลสหราชอาณาจักรประจำรัฐเทกซัสแทน ต่อมาภายหลัง ตั้งแต่นั้น จีนและสหราชอาณาจักรกระทบกระทั่งกันเรื่องการค้าฝิ่นเรื่อยมา เกิดสงครามฝิ่นถึงสองครั้ง หลังสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี่เอง สหราชอาณาจักรได้บีบบังคับให้จีนทำสัญญาในปี พ.ศ. 2441 (ค.ศ. 1898) สหราชอาณาจักรได้ทำสัญญา ‘เช่าซื้อ’ พื้นที่ทางตอนใต้ของลำน้ำเซินเจิ้น ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า ‘เขตดินแดนใหม่’ (เขตนิวเทร์ริทอรีส์) รวมทั้งเกาะรอบข้าง ซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กว่าเมื่อครั้งสหราชอาณาจักรเข้ายึดครองในสมัยสงครามฝิ่นเกือบสิบเท่า.
ผู้สำเร็จราชการคนแรกที่มาประจำยังเกาะฮ่องกง ท่านลอร์ด Palmerston เคยขนานนามเกาะแห่งนี้ไว้ว่า "หินไร้ค่า" แต่สหราชอาณาจักรได้ช่วยวางรากฐานการศึกษา การปกครอง และผังเมืองให้ฮ่องกงเป็นอย่างดี เพียง ชั่วพริบตาเดียว ฮ่องกงได้กลับกลายเป็นศูนย์กลางพาณิชย์และยังเป็นประตูเปิดสู่ประเทศจีน
การยึดครองของญี่ปุ่น
ยุคสงครามเย็น
สหราชอาณาจักรเช่าฮ่องกงทั้งหมด เป็นเวลา 99 ปี โดยกำหนดวันหมดสัญญาไว้วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2540 โดยได้ทำพิธีส่งคืนเกาะฮ่องกง ให้แก่จีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ไปเรียบร้อย ทั้งนี้เคยมีการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักรโดย นางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กับ นายเติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำฝ่ายจีน เพื่อเจรจาขอเช่าเกาะฮ่องกงต่อ แต่ได้รับการปฏิเสธ และในปีเดียวกันนั้น วันที่ 26 กันยายน ผู้นำทั้งสองจึงเปิดเจรจาอีกครั้งและลงนามในสัญญา โดยมีสาระสำคัญว่า สหราชอาณาจักรจะยอมส่งมอบคืนเกาะฮ่องกงให้กับจีน และจีนได้ให้สัญญาว่าจะยอมให้ฮ่องกง อยู่ในฐานะ "เขตปกครองตนเอง" ภายใน 50 ปี
ปัจจุบันจีนได้มอบหมายให้ นายตงจิ้นหวา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฮ่องกง และจีนได้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้รัฐบาลปักกิ่งรับผิดชอบด้านกิจการต่างประเทศ การทหาร และความมั่งคงเท่านั้น ส่วนการบริหารยังคงให้อิสระแก่ชาวฮ่องกงเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามด้วยทำเลอันเหมาะสม เกาะฮ่องกงก็ยังมีบทบาทสำคัญยิ่งในศตวรรษที่ 21 ในฐานะเมืองท่าการค้าระหว่างประเทศ ฐานที่ตั้งสำคัญของผู้ผลิต และศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
รูปแบบการปกครองฮ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง รัฐบาลจีนใช้นโยบาย "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ปกครองฮ่องกง ตามกฎหมายพื้นฐานที่ใช้ปกครองและบริหารฮ่องกงที่สภาประชาชนจีนอนุมัติและประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 4 เมษายนพ.ศ. 2533 ให้สิทธิฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างอิสระ สามารถดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การพาณิชย์ ฯลฯ ได้ตามระบบเสรี รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ฮ่องกงสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีต่อไปได้อีกเป็นเวลา 50 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 จนไปถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2590 หลังจากนั้น ฮ่องกงจะเปลี่ยนไปปกครองแบบเมืองอื่น ๆ ของจีน

ภูมิอากาศ
ฮ่องกงอยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยือนได้ตลอดทั้งปี
• ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-กลางพฤษภาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิและความชื้นสูงขึ้นเสื้อผ้าแนะนำให้เตรียมแจ็คเก็ตหรือสเว็ทเตอร์ ไม่ต้องหนามากไปด้วย
• ฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม - กลางกันยายน) อุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซสเซียส
อากาศร้อนชื้น อาจจะมีฝนบ้าง ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต ชุดผ้าฝ้าย และร่มเมื่อออกนอกอาคารด้วย
• ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน-ต้นธันวาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซสเซียส
ช่วงนี้อุณหภูมิและความชื้นลดลง ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดวัน ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต สเวทเตอร์และแจ็คเก็ตบางๆ ไปด้วย
• ฤดูหนาว (ปลายธันวาคม - กุมภาพันธ์) อุณหภูมิประมาณ 17 องศาเซสเซียส
อากาศหนาวเย็นและความชื้นต่ำ ควรสวมเสื้อกันหนาว เสื้อโอเวอร์โค้ท
ฮ่องกงอยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยือนได้ตลอดทั้งปี
• ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-กลางพฤษภาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิและความชื้นสูงขึ้นเสื้อผ้าแนะนำให้เตรียมแจ็คเก็ตหรือสเว็ทเตอร์ ไม่ต้องหนามากไปด้วย
• ฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม - กลางกันยายน) อุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซสเซียส
อากาศร้อนชื้น อาจจะมีฝนบ้าง ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต ชุดผ้าฝ้าย และร่มเมื่อออกนอกอาคารด้วย
• ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน-ต้นธันวาคม) อุณหภูมิประมาณ 23 องศาเซสเซียส
ช่วงนี้อุณหภูมิและความชื้นลดลง ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดวัน ควรเตรียมเสื้อเชิ๊ต สเวทเตอร์และแจ็คเก็ตบางๆ ไปด้วย
• ฤดูหนาว (ปลายธันวาคม - กุมภาพันธ์) อุณหภูมิประมาณ 17 องศาเซสเซียส
อากาศหนาวเย็นและความชื้นต่ำ ควรสวมเสื้อกันหนาว เสื้อโอเวอร์โค้ท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น